chain_ch posted a photo
hbd.
23 March 2017
“มึงรู้จักคนนั้นเหรอวะ”
“หืม คนไหน”
“หน้าหมวยๆ กระโปรงแดงอะ”
“อ่า…ก็…”
ครับ
ก็ไม่เชิงรู้จัก
แต่ก็นั่นแหละ
“รู้จักๆ”
เชนตอบพร้อมกับหันไปมองคนที่โดนพาดพิงในบทสนทนา เพื่อนของเขาไม่ได้พูดอะไรต่อนอกจากยิ้มให้เขา เป็นรอยยิ้มที่ไม่แน่ใจเท่าไหร่นักว่าควรใช้คำอะไรอธิบาย กรุ้มกริ่มเหรอ? ก็ประมาณนั้น แต่จริงๆ มันอาจจะแค่ยิ้มเฉยๆ เหมือนปกติ
“ไปรู้จักกันตอนไหนวะ เมื่อกี้กูเห็นนะเว้ย ว่าชวนมึงกินขนมอะ”
ไม่ปกติละว้อย
“ขี้เสือกอ่า”
เพื่อนจอมยุ่งเรื่องชาวบ้านอย่างลูคัสทำทีเป็นถามเสียงเบาเพราะกลัวเจ้าตัวจะได้ยิน แต่พอโดนเขาด่ากลับ ก็เล่นโห่แซวเสียงดังตามนิสัยจนเด็กสาวหน้าหมวยคนนั้นยังหันมามอง เชนตบหัวมันไปทีก่อนจะดึงให้มันนั่งลงดีๆ เพื่อจะได้ไม่ต้องคุยกันเสียงดัง
“ยังไง เล่าดิว้า ไอ้มาร์ครู้ปะเนี่ย ไม่ใช่ว่ากูยังไม่รู้คนเดียวนะ”
“มึงจะอะไรนักหนาวะเนี่ย ไอ้มาร์คยังไม่รู้”
เขายังไม่ได้เล่าให้ใครฟังทั้งนั้นล่ะ
“แล้วก็เป็นแค่เพื่อนด้วย จะตื่นเต้นโวยวายไปทำไม”
เสริมต่ออีกประโยคหลังจากโดนมันมองด้วยสายตาจับผิด
“แล้วรู้จักกันตอนไหนวะ”
“ตอนที่มึงโดดเรียนไปสองอาทิตย์ไงครับไอสาส”
ลูคัสหัวเราะและยิ้มแห้งๆ กลบเกลื่อนความคิด แต่ยังไม่ทันได้ถามอะไรต่อ พี่ที่สอนพิเศษก็เข้ามาก่อนทำให้ทุกคนต่างรีบเดินกลับไปนั่งที่ ไม่มีใครชวนใครคุยอีก
วันศุกร์เย็นที่ต้องมาเรียนพิเศษไม่ใช่ TGIF ในฝันของเขา แน่นอนว่าหลังจากเรียนมาเหนื่อยๆ ทั้งวันเขาก็ต้องอยากกลับบ้านไปเล่นเกม ไม่ก็ออกไปเที่ยวเล่นกับเพื่อน เรียนมาทั้งวันเช้าจรดเย็นแบบนี้ พูดเลยว่าตาแทบปิด
“เชน”
ในขณะที่เชนจะเตรียมเข้านอนแล้ว เสียงเคาะนิ้วบนโต๊ะข้างๆ ดังขึ้นทำเอาเขาสะดุ้งตัวจนเผลอปัดหนังสือตก กลายเป็นเป้าสายตาของคนในห้อง ลูคัสขมวดคิ้วและหัวเราะเบาๆ กับท่าทางของเขาก่อนจะช่วยเก็บของให้ เชนก้มหัวขอโทษคนรอบข้างและพี่ที่สอนพิเศษ ก่อนจะจัดวางหนังสือดีๆ อีกครั้ง เหลือบมองไปทางต้นตอของเสียงที่ยกมือขอโทษเขา หน้าตารู้สึกผิดจับใจ
“มีอะไรเปล่า” เชนเลิกคิ้ว ขยับปากถามเสียงเบา
“มีไส้ดินสอปะ”
เด็กสาวดวงตาเรียวเล็กที่นั่งห่างออกไปราวๆ สองที่นั่งถาม ก่อนหน้านี้ก็เป็นเธอนี่แหละที่เอื้อมแขนมาจนสุดตัวเพื่อเคาะโต๊ะเรียกเขา เธอถามย้ำอีกครั้งว่า ‘มีปะ’ มันช่วยเรียกสติของเชนให้เข้าที่เข้าทาง พลางล้วงหาไส้ดินสอกดในกระเป๋าของตัวเอง
ไม่มี
เขาขยับปากตอบกลับไปจนแทบจะไร้เสียง เธอทำหน้าเสียดายแต่ก็เอ่ยขอบคุณเขา ก่อนจะหันไปยู่ปากกับเพื่อน เชนได้ยินเสียงบ่นว่า ไม่อยากใช้ปากกาจดเลย เขาไม่ได้หันไปสนใจอะไรอีก แต่ลึกๆ แล้วในใจเหมือนยังติดอยู่กับเมื่อหลายนาทีก่อน ไม่สามารถสลัดความสนใจออกจากเรื่องของคนที่นั่งถัดไปไม่ไกลได้
สุดท้ายก็พ่ายแพ้ต่อความคิดฟุ้งซ่านของตัวเอง
เชนยื่นแขนไปใกล้ๆ โต๊ะของอีกฝ่าย ส่งดินสอกดในมือตัวเองให้เธอที่หันมามองด้วยความฉงน เขาพูดต่อคลายความสงสัย “ให้ยืม” เด็กสาวตาโตขึ้นมาทันที รีบปัดมือไปมาพลางบอกเขาว่าไม่เป็นอะไร แต่สุดท้ายเชนก็เอื้อมมือจนสุดแขน วางดินสอของเขาลงบนโต๊ะของเธอ
“แล้วเธอเอาไรเขียนอะ”
“ไม่เขียนอยู่แล้ว”
“นั่น เด็กไม่ตั้งใจเรียน” เอ่ยแซวเขาก่อนจะยิ้มจนตาปิด “ไงก็ขอบคุณมากนะ”
“อื้อ ชิวๆ ตั้งใจเรียนเหอะ”
เราต่างฝ่ายต่างกลับมาสนใจการเรียนการสอนตรงหน้าอีกครั้ง แต่เมื่อเชนเหลือบตามองไปอีกด้านหนึ่ง เพื่อนสนิทอย่างลูคัสกำลังยิ้มล้อเลียนเขาพร้อมกับพูดว่า “เพื่อนกันเนอะ” เชนกลอกตาอย่างเหนื่อยหน่ายกับการชงไม่เลิกของมัน ทั้งๆ ที่ก็ไม่ได้รู้เรื่องเท่าไหร่เลย
สองอาทิตย์ที่ลูคัสโดดเรียนไป เขาบอกได้เลยว่ามันพลาดไปหลายเรื่อง ทั้งเนื้อหาในบทเรียน ทั้งเรื่องของเขา
ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วจนแม้แต่ตอนนี้เชนก็ยังงงๆ ว่ามันมาถึงจุดนี้ได้ยังไง
จากจุดที่เคยได้แต่นั่งมองเด็กสาวหน้าหมวยจากโรงเรียนหญิงล้วนชื่อดังอยู่ห่างๆ ไม่เคยได้สนทนาอะไรกัน ไม่เคยรู้ชื่อของกันและกัน ไม่เคยรู้อะไรเลย สู่จุดที่อยู่ๆ เธอก็ยื่นซองขนมมาให้เขา ถามว่า ‘กินปะ’ หรือแม้แต่การเรียกชื่อของเขา
มันเริ่มต้นขึ้นเมื่อสองสัปดาห์ก่อน หลังจากที่การเรียนจบลง นักเรียนกำลังทยอยเก็บของออกจากห้องเรียนพิเศษ วันนั้นลูคัสโดดเรียนโดยอ้างว่าติดธุระกับที่บ้าน แต่เขารู้ดีว่ามันแอบหนีไปดูหนังกับรุ่นพี่คนสนิทที่เทียวจีบเทียวตื๊อมานาน โต๊ะเรียนข้างๆ เขาจึงว่าง ไม่มีใครจับจอง แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ได้มีแค่ลูคัสที่แอบหนีเรียน มันเป็นวันที่ห้องดูโล่งกว่าที่เคย มีนักเรียนเข้าเรียนเพียงไม่กี่คน สุดท้ายพวกเราจึงต้องเขยิบมานั่งรวมกัน ไม่ใช่กระจายที่นั่งกันอย่างแต่ก่อน
นั่นเป็นครั้งแรกที่เชนได้อยู่ใกล้เธอ
ฮ่ะ ยังไม่ต้องคิดไปไกล พวกเราไม่ได้คุยกันหรือทำความรู้จักกันเลยแม้แต่นิดเดียว เพราะนั่นดูจะธรรมดาเกินกว่าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่พวกเรารู้จักกัน
‘เชี่ยยยย’
นั่นคือคำแรกที่เธอเอ่ยออกมาต่อหน้าเขา เธออุทานออกมาด้วยความตกใจ
‘ขอโทษๆๆ’
สองมือเล็กเก้ๆ กังๆ ทำตัวไม่ถูก ล้วงหากระดาษทิชชู่จากกระเป๋าผ้าของตัวเอง เธอพยายามจะยื่นมือเข้ามาเช็ดแขนของเขา ซึ่งเปียกชุ่มไปด้วยชามะนาวที่น้ำแข็งละลายจนน่าจะจืดชืดแล้ว นึกย้อนไปเมื่อไม่ถึงสองนาทีก่อน ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเชนยังไม่ทันจะตกใจอะไร เด็กสาวโรงเรียนบ้านใกล้เรือนเคียงกับเขาก็ตกใจใหญ่แทนเขาไปหมดแล้ว หลังจากเธอเผลอชนแก้วน้ำของตัวเองซึ่งตั้งบนโต๊ะๆ ข้างเขา จนมันล้มเทลงมาบนแขนของเชนเต็มๆ
‘แง เราขอโทษจริงๆ’ เธอทำหน้าเบะเหมือนจะร้อง ขอโทษขอโพยเขาซ้ำไปมาเป็นสิบรอบจนเชนต้องบอกให้ใจเย็น เขารับทิชชู่จากเธอมาซับแขนของตัวเอง ‘เธอไปล้างแขนที่ห้องน้ำก่อนมั้ย เดี๋ยวเราเช็ดตรงนี้เอง’ รีบพูดแทรกตอนที่เห็นเขากำลังจะก้มลงไปเช็ดพื้นที่เลอะน้ำชามะนาว ไม่เพียงแค่นั้นยังดันตัวของเขาให้ถอยออกจากบริเวณนั้น กึ่งๆ บังคับไล่ให้เขาไปเข้าห้องน้ำ
วันนั้นเราไม่ได้คุยอะไรกันต่อมากนัก แต่สัปดาห์ต่อมา ที่ไอ้ลูคัสก็ยังคงหายหัวไปไหนซักที่ ระหว่างพักเบรกหลังกลับมาจากห้องน้ำ บนโต๊ะของเชนมีขนมห่อเล็กๆ อยู่สองสามห่อ พร้อมกระดาษโพสอิท เขียนข้อความด้วยลายมือน่ารักว่า ‘ขอโทษอีกรอบนะ TT’
ไม่มีการลงชื่อใดๆ แต่เชนรู้ดีว่าเป็นใคร เพราะตอนที่เขาหันไปมองเธอ เด็กต่างโรงเรียนคนนั้นก็ยิ้มแห้งๆ ให้เขา และหลังจากนั้นไม่นาน ผ่านการแนะนำตัวระหว่างเรา เขาก็ได้รู้ว่าเธอชื่อ ‘จินนี่’
ใช่ครับ จินนี่
เด็กสาวหน้าหมวย รอยยิ้มตาหยี และกระโปรงสีแดง เสื้อตัวใหญ่โคร่งคนนั้นแหละ
–––
“นึกว่าแกจะโดดเรียนแล้ว”
“ฉันไม่ใช่แกซักหน่อยยย”
กระเป๋าเสื้อผ้าขนาดกลางถูกเหวี่ยงมาชนขาของเขาเบาๆ แทนการแก้แค้นที่ไปแซวกันแบบนั้น จินนี่ยังไม่หายหอบแฮ่ก หลังจากโบกวินมอเตอร์ไซค์นั่งออกมาหน้าปากซอย ก่อนจะวิ่งหน้าตั้งมาหาเขาที่สถานีรถไฟฟ้า เจ้าตัวเล่าความวุ่นวายประจำวันนี้ให้เขาฟัง เหตุที่ทำให้ออกมาจากโรงเรียนช้าเพราะดันไปสลับกระเป๋าเสื้อผ้ากับนักเรียนคนอื่น โชคยังดีที่เด็กคนนั้นยังไม่ได้ออกไปไหนไกล ทำให้เธอยังตามกระเป๋าได้ทัน
“แล้วทำไมวันนี้มีกระเป๋าเสื้อผ้าด้วยอะ ปกติไม่เห็นแกถือไปเรียนด้วยเลย”
เชนถามระหว่างที่พวกเรากำลังโหนรถไฟฟ้าไปสถานีสยาม เตรียมไปเรียนพิเศษประจำเย็นวันศุกร์ด้วยกัน
“ม๊าติดธุระอะดิ เลยไม่ได้แวะมาเอากลับไป”
จินนี่เล่าให้เขาฟังต่อว่า ปกติแล้วแม่ของเธอจะเป็นคนแวะมาเก็บกระเป๋าเสื้อผ้ากลับไปช่วงเย็น เขาถึงไม่เคยเห็นเธอเดินถือกระเป๋าเยอะแยะมากมายอะไรมาเรียนด้วย
ผ่านได้มาราวๆ หนึ่งเดือนกว่าแล้ว นับตั้งแต่วันที่เขารู้จักกับจินนี่ และก็ผ่านมาได้เกือบเดือนแล้วเช่นกันที่เชนไล่ให้ลูคัสไปสยามก่อน ไม่ต้องรอเขา
เพราะเขาต้องรอจินนี่ก่อน
จะใช้คำว่า ต้อง ก็คงไม่ถูกซะทีเดียว
เพราะเขาตั้งใจจะรอจินนี่ก่อน
อืม แบบนี้คงจะตรงตัวกว่า
พวกเราตัดสินใจมาเรียนพิเศษพร้อมกันหลังจากเริ่มคุยกันบ่อยขึ้น สนิทกันมากขึ้นอย่างเพื่อนต่างโรงเรียนคนอื่นๆ จินนี่เป็นคนสังคมกว้างขวาง เอาเข้าจริงดูเหมือนเธอจะรู้จักแทบทุกคนในห้องเรียนพิเศษแล้วเสียด้วยซ้ำ เชนยังคงสงสัยมาถึงทุกวันนี้ว่าทำไมเขาถึงได้รู้จักกับเธอช้านัก แต่นั่นก็ไม่เป็นไร เพราะอย่างน้อยตอนนี้เขาก็ได้รู้จักเธอแล้ว
อาจเป็นเพราะนอกจากจะอยากเข้าคณะเดียวกันแล้ว โรงเรียนของเรายังอยู่ใกล้กัน และเมื่อปีก่อนก็มีนักเรียนจากโรงเรียนของจินนี่มาแข่งบาสที่โรงเรียนของเขา จินนี่บอกว่าเพื่อนสนิทของเธอก็มาแข่ง และดูท่าจะเป็นนักบาสผมสั้นตัวสูง หน้าตาหวานๆ เจ้าของเสื้อบาสเบอร์ 8 ที่เคยทำเด็กโรงเรียนเขาเพ้อไปหลายคน นั่นทำให้เรายิ่งมีหลายๆ เรื่องให้คุยกันได้ไม่หยุดไม่หย่อน
“เลิกเรียนแล้วรีบกลับปะ กินข้าวกัน” เชนเอ่ยชวนเหมือนกับทุกครั้ง แต่ดูเหมือนวันนี้จะผิดปกติก็ตรงที่อีกฝ่ายไม่ได้ตอบรับในทันที กลับมีท่าทางลังเลอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“ไม่แน่ใจเลยอะ ว่าพี่จะมารับรึเปล่า”
“อ่อ โอเค ไม่เป็นไรๆ”
“ซอรี่นะแก ไว้อาทิตย์หน้าๆ จะไปกินร้านที่แกอยากกินด้วยเลย เคปะ”
“โอเคๆ”
พูดแล้วยิ้มให้กันแบบนั้น ไม่โอเคก็ต้องโอเคแล้วเปล่าวะ
เชนไม่รู้ว่าความรู้สึกในตอนนี้คืออะไร แต่เขาก็ไม่ปฏิเสธว่า เขาหวังว่าระหว่างพวกเราจะพัฒนาไปได้ไกลกว่านี้ ไม่ใช่แค่ความสัมพันธ์ฉันเพื่อนอย่างที่บอกใครๆ แม้ว่าไอ้ลูคัสจะชอบแซวนักหนา แถมยังเอาไปเล่าให้เพื่อนอีกคนอย่างมาร์คฟังบ่อยๆ ว่าเขากำลังตามจีบสาวอยู่ ซึ่งนั่นไม่จริงเลยซักนิดเหอะไอ้สัดคัส
เราก็แค่คุยกัน อย่างที่เพื่อนคุยกันตามปกติ เพียงแต่เป็นเพื่อนที่มีความพิเศษมากกว่าคนทั่วๆ ไป สำหรับเชนน่ะนะ แต่สำหรับจินนี่แล้ว เขาก็ไม่รู้เช่นกันว่าเธอจัดเขาไว้ในหมวดไหน อาจจะเป็นเพื่อนต่างโรงเรียนอย่างเพื่อนคนอื่นที่เธอคุยด้วยก็เป็นได้
ที่นั่งของพวกเราถูกเขยิบมานั่งติดกัน จากที่ห่างกันสองที่ก็ลดลงเหลือหนึ่ง จนสุดท้ายก็ไม่มีใครมานั่งแทรกกลางได้อีก ดินสอแท่งนั้นที่จินนี่เคยยืมไป ถูกเปลี่ยนเป็นปากกาแท่งอื่น ไฮไลท์แท่งอื่น หรือแม้แต่ยางลบก้อนอื่น เขากลายเป็นกระเป๋าดินสอส่วนตัวของจินนี่เพราะเธอมักจะลืมนู้นลืมนี่อยู่ทุกอาทิตย์ จนบางครั้งก็เคยลืมหนังสือที่ต้องใช้เรียนไว้ในโรงเรียน
“แก”
“ลืมไรอีก”
“บ้า ไม่ใช่เหอะ” จินนี่หัวเราะเบาๆ หลังจากที่จู่ๆ ก็ยื่นมือมาสะกิดเขาเรียกเขา ตอนนี้เป็นช่วงพักเบรก คนอื่นในห้องแยกย้ายกันออกไปเดินยืดเส้นยืดสาย รวมถึงลูคัสที่หาเรื่องออกไปหาซื้อของกิน ทั้งห้องเหลือแค่นักเรียนไม่กี่คน หนึ่งในนั้นคือพวกเราที่ยังนั่งอยู่ที่เดิม ไม่ได้ขยับตัวไปไหน “เดือนหน้าจะจบคอร์สนี้แล้วอะ”
“อ่าฮะ”
“แกจะลงของเทอมหน้าปะ”
เธอถามพร้อมกับหันมามองหน้าเขา
“ก็…” เชนลังเลไปชั่วขณะหนึ่ง จริงๆ แล้วเขาไม่ได้แผนจะลงเรียนต่อ เรียกได้ว่ายังไม่ได้คิดหรือตัดสินใจอะไรเท่าไหร่ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังรอคอยคำตอบ จากสายตาที่จดจ้องและมองเขาอยู่ เขาจึงถามย้อนกลับไป “แล้วแกอะ ลงปะ”
“ทำไม” เธออมยิ้มเล็กๆ หรี่ตามองอย่างจับผิด “ถ้าฉันลงแกจะลงเหมือนกันรึไง”
“ก็…ได้นะ”
“บ้า ถามจริง”
“จริง เขาก็สอนดีนะ”
“ขี้โม้แล้ว แกไม่เห็นจะตั้งใจเรียนเลย”
“ก็แกชวนคุยไง”
“อ่อเหรอ ฉันทำให้แกไม่ตั้งใจเรียนเหรอเนี่ย” เธอพูดประชดด้วยน้ำเสียงติดตลก ไม่คิดจริงจัง และนั่นยิ่งทำให้เขายิ้มกว้างเข้าไปใหญ่
“ใช่ แกทำให้เราไม่ตั้งใจเรียน”
เพราะชอบเผลอไปมองแก
เพราะชอบเอาแต่คิดถึงแก
“เวลาเรียนก็อยากคุยกับแกตลอด”
เขาเผลอพูดออกไป เพราะในใจเอาแต่คิดโทษว่าคนตรงหน้าเป็นต้นเหตุที่ทำให้ฟุ้งซ่าน จนพักหลังมานี้ยิ่งเรียนไม่รู้เรื่องกว่าเดิม จินนี่ชะงักไปเล็กน้อย เธอหลบสายตาหนีไปทางอื่น ริมฝีปากเล็กทำท่าจะขยับพูดอะไรแต่ก็เม้มเข้าหากันอยู่หลายครั้ง
“ตะ…ตลกละ คุยเวลาอื่นไม่ได้เลยรึไง”
“ได้มั้ยล่ะ” เชนถามกลับ
“ฮะ”
“คุยได้มั้ยล่ะ”
ที่ผ่านมาเชนไม่เคยแสดงออกชัดเจนว่าเขาคิดอย่างไร
ไม่เคยออกตัวว่าจีบจินนี่อยู่อย่างที่ไอ้ลูคัสชอบเอาไปเผาให้มาร์คฟัง
“ก็…”
“จริงๆ ก็อยากคุยด้วยตลอดนั่นแหละ”
ผิดกันกับตอนนี้ที่เขาลองพูดอะไรที่อยู่ในใจออกไปบ้าง
ลองเสี่ยงดูซักครั้ง
ดีกว่าไม่ได้พูดออกไป
ดีกว่าไม่ได้แสดงออกบอกให้เขารู้
“…พูดเหมือนปกติไม่ได้คุยอะ”
เพราะบางที ผลลัพธ์มันก็อาจจะดีอย่างที่เราหวังไว้จริงๆ
#จีบแจม #จินนี่จ๊ะ
ตามสัญญาที่เคยทำโพลถามไว้
จริงๆ เราตั้งใจจะเขียนสเปของเชนกับจินนี่สมัยรู้จักกันแรกๆ มานานแล้ว แต่ก็คิดอยู่หลายตลบว่าควรลงดีไหม กลัวว่าจะเป็นการทำให้ช้ำใจ (หลายคนคงรู้อยู่แล้วว่าช้ำใจเพราะอะไร) แต่สำหรับเราเรื่องราวของสองคนนี้แต่ก่อนเป็นความทรงจำดีๆ ช่วงหนึ่งทีเดียวเลย เป็นเหตุผลว่าทำไมเชนอยากหนีเขาแทบตายแต่สุดท้ายก็ลืมไม่ลงซักที เพราะเคยหวังกับความสัมพันธ์ เคยมีความหวังมาแล้วนั่นแหละ
แล้วก็สุขสันต์วันเกิดน้องเหรินจวิ้นคนดีของพี่ แง มีความสุขมากๆ นะคับคนเก่ง ❤
ก็หวังว่าทุกคนจะยังไม่ลืมนุ้งเชนและเจ้าจินนี่เนอะ คิดถึงเสมอค่ะ
ติดแท็ก #จีบแจม หรือ #จินนี่จ๊ะ ได้หมดเลย เราไม่รู้จะเลือกแท็กไหนด้วย ฮื่อ
แล้วก็เร็วๆ นี้น่าจะมีอัพเดทเกี่ยวกับจีบแจมมาบอกแหละ :3
ขอบคุณค่า